มาราธอน

ระยะทางสะสมต่อสัปดาห์ สัดส่วนการฝึกวิ่ง ช่วยพัฒนาการวิ่ง

ระยะวิ่งสะสมต่อสัปดาห์ (Weekly Mileage) ยิ่งสะสมพัฒนาต่อสัปดาห์ยิ่งสูงยิ่งดี เปรียบเสมือนพื้นฐานความแข็งแรงของการวิ่ง ระยะสะมยิ่งมากยิ่งดี 30km/week พอใช้ 60km/week ดี 100km/week ดีมาก
แล้ว “เพิ่ม”ระยะสะสมต่อสัปดาห์ทีละเท่าไหร่ถึงจะพอดี ไม่เสี่ยงบาดเจ็บ?

มีสูตรคือ acute – to – chronic ratio ใช้สูตรการวิ่งะยะทางสะสมของสัปดาห์ล่าสุด หารด้วย ระยะทางสะสมเฉลี่ยของ 4 สัปดาห์ล่าสุด
เช่น ถ้า 4 สัปดาห์ล่าสุดคุณวิ่งได้ระยะสะสม 30 35 40 45 กม. ตามลำดับจากแรกสุดมาหลังสุด
ดังนั้นเมื่อคำนวณระยะทางสะสมเฉลี่ยของ 4 สัปดาห์ล่าสุด จะได้ (30+35+40+45) / 4 = 37.5 กม
จึงได้ acute-to-chronic ratio เป็น 45 / 37.5 = 1.2 นั่นเอง

โดยค่า ที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 1-1.2 ถ้าสูงกว่า 1.5 คืออันตราย เป็นสัญญาณว่าสะสมระยะเพิ่มขึ้นต่อสัปดาห์มากเกินไป อาจเสี่ยงบาดเจ็บได้
โดยวิธีคำนวนนี้มาจากการศึกษานักวิ่งและนักกีฬาแต่บางคนอาจมีขอบเขตที่ดีหรืออ่อนกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน

แล้วถ้าจะไปวิ่งที่ระยะต่างๆ ควร วิ่งระยะทางสะสมต่อสัปดาห์ได้ซักเท่าไหร่จึงจะจบพอผ่านได้และทัน cut-off แน่ๆ และไม่ทรมานเกินไป

  • ถ้าวิ่งระยะ 5k ให้วิ่งระยะสะสมต่อสัปดาห์ให้ได้ 8
  • ถ้าวิ่งระยะ 10k ให้วิ่งระยะสะสมต่อสัปดาห์ให้ได้ 20
  • ถ้าวิ่งระยะ 21k ให้วิ่งระยะสะสมต่อสัปดาห์ให้ได้ 35 (รวมวันวิ่งยาว 1 วัน)
  • ถ้าวิ่งระยะ 42k ให้วิ่งระยะสะสมต่อสัปดาห์ให้ได้ 45 (รวมวันวิ่งยาว 1 วัน)

แล้วสัดส่วนการวิ่งของแต่ละอย่าง “เพื่อการพัฒนาตนเอง” ล่ะ (วิ่งเร็ว อึด ไกล)

  • ควรมีวิ่งช้า Hr zone 2 อย่างน้อย 50%
  • วิ่งกลางๆ zone 3-4 ประมาณ 30% (ให้ zone 3 มากกว่า)
  • วิ่งเร็ว (zone 3 ปลาย zone 4 ต้นๆ) หรือ Tempo
........
Read More

จบมาราธอน 42.195 km อย่างไรให้ได้ ภายใน 6 ชม. แบบเซฟๆ

สำหรับคนประเภทอยากลองให้จบมาราธอน (ระยะทาง 42.195 กม.) โดยที่วิ่งซ้อมมาบ้างแล้ว แต่อยากจบให้แบบไม่เจ็บตัวมากเกินไปนัก

วิธีนี้มันจะเรียกว่าทริคก็ได้ คือใช้การวางแผนเข้าจัดการระยะทางกับเวลาและศักยภาพของร่างกายที่มี

คือให้ใช้วิธี วิ่ง 2 กม. จากนั้นเดิน 1 นาที ทำวนไปแบบนี้ 21 ครั้ง ก็จะครบ 42.195 กม.เอง
ส่วนรายละเอียดคือ วิ่ง 2 กม. pace 8 (1 กม.ใช้เวลา 8 นาที) และจากนั้นก็เดิน 1 นาที ซึ่งการทำแบบนี้ก็จะเป็นการวิ่ง 2 กม.เดินแถวๆจุดรับน้ำอีก 1 นาทีพอดีเลย หากคำนวนแล้วก็จะได้ pace 8.3
ทำวนไป 21 ครั้ง ก็จะเข้าเส้นชัย 42.195กม. ใช้เวลา 5 ชม.57 นาทีครับ (วิ่งอย่างเดียว+เดิน โดยไม่แวะอะไรเลยนะครับ 55555)
โดยหากมีนาฬิกา ให้คุมความเร็ว pace เฉลี่ยตลอดเส้นทางในนาฬิกาให้อยู่ต่ำกว่า 8.3 min/km หรือ วิ่งเกาะติดลูกโป่ง pacer 6 hr ไว้ให้ดีๆ
ทำแบบนี้ก็จะวิ่งจบ Full Marathon ได้ Sub6 อย่างเท่ห์ๆล่ะจร้าา

ปล.1 ถ้าเปลี่ยนเป็นวิ่ง pace 9 ก็จะจบ 42.195 กม. ที่เวลา 6 ชม.38 นาที ครับ
ปล.2 ถ้าเปลี่ยนเป็นวิ่ง pace 9.3 ก็จะจบ 42.195 กม. ที่เวลา 7 ชม. พอดีครับ

สิ่งสำคัญคือ
1.ควรจะใช้สูตรวิ่งนี้ 2กม.แล้วเดิน 1 นาทีตั้งแต่แรกเลย (ห้ามวิ่งแต่แรกแล้วพอหมดแรงถึงใช้ มันจะไม่มีประโยชน์)
2.แต่ถ้าเหลืออีกไม่กี่ กม.จะถึงเส้นชัย เช่นเหลือไม่ถึง 5 กม. แล้วประเมินสภาพร่างกายเราแล้ว คิดว่าแรงเหลือและร่างกายไหว ทีนี้ก็วิ่งตามที่เห็นสมควรเลยครับ แต่ไม่ควรให้ heart rate แตะ zone 5 เพราะอันตรายสำหรับคนไม่ฟิต........

Read More

ความเร็วในการวิ่งที่เหมาะสมกับตนเอง (Easy pace) และหา Marathon pace

Pace คือ ความเร็วที่เราจะใช้เวลากี่นาทีในการวิ่ง 1 กม. โดยคนหัดวิ่งมักจะอยู่ที่ประมาณ 7-10 นาที/ กม.

Easy pace คือ ความเร็วที่เราวิ่งได้นานๆสบายๆ วิ่งได้เรื่อยๆ เราจะวิ่งที่ความเร็วที่เท่าไหร่ โดย easy pace ของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน โดยถ้าวิ่งความเร็วระดับนี้เราจะสามารถพูดคุยได้สบายๆ  ซึ่ง easy pace ก็จะสัมพันธ์กับ marathon pace ด้วยกล่าวคือ

Marathon pace คือ pace ที่เราจะใช้ในการวิ่งระดับ 42.195 กม. โดยการหา Marathon pace ของนักวิ่งนั้น ขอแบ่งเป็น 4 กลุ่มนักวิ่งคร่าวๆ ดังนี้

  1. คนที่ยังไม่เคยวิ่งมาราธอนมาก่อนเลย และวิ่งมาได้ไม่เกิน 2 ปี  Marathon pace ก็จะ = Easy pace
  2. สำหรับคนที่เคยวิ่งจบมาราธอนมาแล้ว โดยใช้เวลาตั้งแต่ 4.30 ชม.ขึ้นไป  Marathon pace ก็จะ = Easy pace – 20 วินาที หรือช้ากว่านั้น
  3. สำหรับคนที่เคยวิ่งจบมาราธอนมาแล้ว โดยใช้เวลาตั้งแต่ 3.30 – 4.30 ชม. Marathon pace ก็จะ = Easy pace – 20 – 40 วินาที
  4. กลุ่มที่เทพกว่านี้ ก็คงไม่ต้องอ่านเนื้อหาเว้บนี้แล้ว ขอข้ามละกันนะ แฮร่….

การซ้อม มาราธอนเพซ ให้ใช้การวิ่งระดับ Half marathon (21km) ในการซ้อม marathon pace เพราะจะได้ฝึกกินน้ำ บริหารพลังงาน, สัมผัสบรรยากาศการแข่งขันไปด้วยในตัว

  1. สำหรับมือใหม่ ให้วิ่ง easy pace ไป 21 กม. เลย (อาจจะลองเป็น easy pace 13 กม. และ อีก 8 กม.ที่เหลือเร็วขึ้นซัก -0.20 วินาที ก็พอได้)
  2. เริ่มมีประสบการณ์วิ่งมาบ้าง ก็วิ่ง easy pace  2 กม. จากนั้นวิ่งด้วย marathon pace 16 กม อีก 3 กม.ที่เหลือก็วิ่ง easy pace จนเข้าเส้นชัย
  3. ประสบการณ์พอควร ก็วิ่ง marathon pace ไปทั้ง 21 กม.เลย (ก่อนหน้าต้อง warm up ก่อนนะ และเสร็จต้อง cool down ด้วย)
........
Read More

สิ่งที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการวิ่ง

  • รองเท้าคู่เดียวก็วิ่งได้ ก็จริงนะ แต่น้อยคนที่จะทำได้ อ่อ…อย่าลืมว่ายังมี accessory อื่นๆอีกนะ หมวกเอย, ผ้าบัปเอย, นาฬิกาเอย (ของที่ต้นทุนสูงๆคือ นาฬิกา smart watch, รองเท้าวิ่งดีๆ)
  • มาราธอนใช้ใจวิ่ง ก็มีส่วนถูก ส่วนที่ถูกต้องคือ ชนะจิตใจตนเองในการตั้งใจซ้อม ตั้งใจออกกำลังกาย เพื่อให้ได้มาซึ่งความพร้อมในการไปแข่งมาราธอนในสนามจริง เพราะถ้าใช้ใจไปวิ่งแต่ร่างกายไม่พร้อม ก็จะบาดเจ็บหนัก เข้าโรงพยาบาลได้ง่ายๆเลย (เห็นมาเยอะแล้ว)
  • วิ่งแล้วจะได้ผอมๆ อันนี้ผิดอย่างมาก การจะลดน้ำหนัก คุณต้องคุมอาหารประมาณ 70% ออกกำลังกาย 30% เพราะวิ่งซัก 5 กม. เบิร์นไปแค่ 300-600 แคลลอรี่เองนะ เรื่องลดความอ้วนนี่ ใช้ใจเป็นหลักจริงๆ
  • มาราธอนเป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพ การวิ่งมาราธอนเป็นการวิ่งที่ใช้ร่างกายเกินขีดจำกัดอย่างมาก ทางการแพทย์ยังระบุว่า ไม่ใช่การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเพราะเป็นการใช้ร่างกายเกินกำลัง (แต่ส่วนตัวมองว่าก็ยังดีกว่าการไปกินเหล้าสูบบุรีอ่ะนะ)

 

 

 

 

 

 ........

Read More